Microsoft เปิดตัวการปรับโฉม Copilot ครั้งใหญ่ โดยเสริมความสามารถด้านเสียงและการมองเห็น เพื่อยกระดับให้เป็นผู้ช่วย AI ที่ปรับแต่งได้มากขึ้นและมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเดิม โดยฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้จะทำให้ Copilot สามารถตอบโต้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงเพิ่มโหมดการนำเสนอข่าวแบบเสมือนจริง อ่านหัวข้อข่าวให้ผู้ใช้งาน และสามารถมองเห็นและเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังดูอยู่ได้
ปรับโฉม Copilot สู่ผู้ช่วย AI แบบใหม่
Copilot ถูกออกแบบใหม่ให้มีประสบการณ์ผู้ใช้ในรูปแบบการ์ดมากขึ้น คล้ายกับแอปผู้ช่วยส่วนตัว Pi ของ Inflection AI ที่เน้นการปรับแต่งตามความต้องการส่วนบุคคล Microsoft ได้ดึงผู้เชี่ยวชาญจาก Inflection AI มาร่วมทีมมากมายในปีนี้ รวมถึง Mustafa Suleyman ผู้ร่วมก่อตั้ง Google DeepMind ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Microsoft AI ฟีเจอร์ใหม่นี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งแรกของ Copilot ภายใต้การนำของ Suleyman หลังเข้ามาดูแล AI ฝั่งผู้บริโภค
“ที่ Microsoft AI เรากำลังสร้างเพื่อนคู่หู AI สำหรับทุกคน” Suleyman กล่าวในจดหมายเปิดใจวันนี้ “ผมเชื่อจริงๆ ว่าเราสามารถสร้างยุคใหม่ที่เงียบสงบ เป็นประโยชน์ และสนับสนุนได้ ซึ่งแตกต่างไปจากสิ่งที่เราเคยเห็นมาก่อน”
ฟีเจอร์ใหม่: เสียงและการมองเห็น
Microsoft มุ่งเน้นไปที่การพัฒนา Copilot ให้มีความสามารถด้านเสียงอย่างมาก โดยคุณสามารถพูดคุยกับผู้ช่วย AI นี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ถามคำถาม และขัดจังหวะได้เหมือนกับการสนทนากับเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน ปัจจุบัน Copilot มีตัวเลือกเสียงให้เลือกถึง 4 แบบ และคุณสามารถเลือกได้ตั้งแต่เริ่มต้นใช้งาน Copilot โฉมใหม่นี้
นอกจากนั้น Copilot Vision ยังเป็นอีกหนึ่งการเดิมพันใหญ่ที่ Microsoft ลงทุนเพิ่มความสามารถในการ “มองเห็น” เช่นเดียวกับการใช้ AI ในการดูว่าในเว็บเพจนั้นมีเนื้อหาอะไรบ้าง และสามารถโต้ตอบเกี่ยวกับข้อมูลที่คุณเห็นอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ หรือเนื้อหาอื่นๆ บนหน้าเว็บ ช่วยให้การซื้อของออนไลน์ง่ายขึ้น โดยสามารถแนะนำสินค้าและเปรียบเทียบตัวเลือกต่างๆ ได้
อย่างไรก็ตาม Copilot Vision จะทำงานได้เฉพาะกับเว็บเพจบางประเภทในช่วงเริ่มต้นเพื่อความปลอดภัย โดยฟีเจอร์นี้จะไม่สามารถทำงานกับเนื้อหาที่ต้องสมัครสมาชิกหรือเนื้อหาที่มีความละเอียดอ่อนได้
Copilot Daily: สรุปข่าวและสภาพอากาศแบบเสียง
Copilot โฉมใหม่ยังมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Copilot Daily ซึ่งเป็นการสรุปข่าวและสภาพอากาศในรูปแบบเสียง คล้ายกับผู้ประกาศข่าวของ CNN ซึ่งออกแบบมาให้ฟังสั้นๆ ในช่วงเช้า โดยฟีเจอร์นี้จะดึงข้อมูลจากผู้ให้บริการข่าวที่ได้รับอนุญาต เช่น Reuters, Axel Springer, Hearst, และ Financial Times Microsoft มีแผนที่จะเพิ่มแหล่งข่าวอื่นๆ ในอนาคต
Think Deeper: การวิเคราะห์เชิงลึกด้วย Copilot Labs
นอกจากนี้ Microsoft ยังเพิ่มฟีเจอร์ Think Deeper ที่ช่วยให้ Copilot สามารถใช้เวลาตอบคำถามซับซ้อนได้อย่างละเอียด เช่น การเปรียบเทียบระหว่างสองตัวเลือก ซึ่งเหมาะสำหรับคำถามที่ต้องการคำตอบแบบมีขั้นตอน เช่น “ควรย้ายไปอยู่ New York หรือ San Francisco ดี?”
ฟีเจอร์ Think Deeper นี้อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาและจะถูกบรรจุใน Copilot Labs เพื่อทดสอบคุณสมบัติใหม่ๆ ที่ยังอยู่ในระหว่างการทดลอง เช่นเดียวกับ Copilot Vision ที่จะเปิดให้ผู้ใช้ที่เข้าร่วมโปรแกรมได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับประสบการณ์การใช้งาน ฟีเจอร์ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวของ Microsoft ในการสร้าง AI ผู้ช่วยที่สามารถปรับตัวและพัฒนาไปพร้อมกับผู้ใช้ได้ในอนาคต
การเปิดตัวและอนาคตของ Copilot
Copilot โฉมใหม่นี้พร้อมใช้งานแล้ววันนี้ในแอปมือถือทั้ง iOS และ Android บนเว็บที่ copilot.microsoft.com และแอป Copilot บน Windows โดยฟีเจอร์ Copilot Voice จะพร้อมใช้งานในภาษาอังกฤษในประเทศออสเตรเลีย, แคนาดา, นิวซีแลนด์, สหราชอาณาจักร, และสหรัฐอเมริกาก่อนที่จะขยายไปยังภูมิภาคและภาษาต่างๆ ในอนาคต ส่วน Copilot Daily จะถูกจำกัดให้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรก่อนขยายสู่ประเทศอื่นๆ เช่นเดียวกับ Copilot Vision ที่จะเปิดให้ใช้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Copilot Pro ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นในช่วงแรก
ในอนาคต Suleyman กล่าวว่า Copilot จะสามารถปรับตัวเข้ากับนิสัยและพฤติกรรมของผู้ใช้ได้ โดยมีความสามารถที่จะติดตามการนัดหมายแพทย์ ช่วยวางแผนงานสำคัญ เช่น งานเลี้ยงวันเกิดของลูก และช่วยจัดการการตัดสินใจในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เราไม่ได้สร้างเครื่องมือที่ตายตัว แต่เรากำลังสร้างปฏิสัมพันธ์ที่มีความคล่องตัว มีการพัฒนา และสามารถเติบโตได้” Suleyman กล่าว “มันจะคอยอยู่เคียงข้างคุณทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นการจดบันทึกในนัดพบแพทย์ หรือช่วยคิดวางแผนงานสำคัญในชีวิตประจำวัน”