ค่าธรรมเนียมรถติด Congestion Charge คืออะไร?


ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ ถือเป็นปัญหาที่คนเมืองคุ้นเคยดี ซึ่งการขยายตัวของเมืองและปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นทำให้ระบบการคมนาคมไม่สามารถรองรับได้อย่างเพียงพอ เพื่อแก้ปัญหานี้ กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังจึงได้เริ่มศึกษาแนวทางในการปรับเปลี่ยนนโยบายและระบบคมนาคมให้สามารถตอบโจทย์ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน โดยเน้นการทำให้ค่ารถไฟฟ้าถูกลงและการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการจราจร


การศึกษาเพื่อดำเนินนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย


กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังเตรียมร่วมมือกันศึกษานโยบายในการทำให้ค่ารถไฟฟ้าทุกสายอยู่ที่ 20 บาทตลอดสาย โดยแนวทางหลักที่นำเสนอคือการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าจากเอกชน นโยบายนี้จะทำให้รัฐสามารถควบคุมและกำหนดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมและเป็นธรรมได้ คาดการณ์ว่าการซื้อคืนสัมปทานจากเอกชนจะต้องใช้งบประมาณถึง 200,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะมีระยะเวลาถึง 30 ปี และเงินทุนจะมาจากการระดมทุนที่ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุน รวมทั้งรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge)


ค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge): เครื่องมือใหม่เพื่อเมืองที่น่าอยู่กว่าเดิม


ค่าธรรมเนียมรถติด หรือ Congestion Charge เป็นรูปแบบของการเก็บภาษีจากผู้ใช้รถยนต์ที่ขับเข้าไปในเขตใจกลางเมืองหรือพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น การดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบขนส่งสาธารณะ ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหราชอาณาจักร สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา แนวทางนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการลดปัญหาการจราจรที่ติดขัด

สำหรับประเทศไทย กระทรวงคมนาคมได้เสนอให้เก็บค่าธรรมเนียมรถติดในบางพื้นที่ของกรุงเทพฯ โดยในช่วง 5 ปีแรกคาดว่าจะเรียกเก็บที่คันละ 40-50 บาท ซึ่งสามารถสร้างรายได้มากถึง 12,000 ล้านบาทต่อปี รายได้นี้จะถูกนำมาใช้สนับสนุนกองทุนในการซื้อคืนสัมปทานและทำให้นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทสามารถดำเนินการได้

ค่าธรรมเนียมรถติด Congestion Charge คืออะไร?


พื้นที่เป้าหมายของการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติดในกรุงเทพฯ

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้สำรวจพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นในกรุงเทพฯ และระบุว่าอาจเริ่มนำค่าธรรมเนียมรถติดมาใช้ในเส้นทางหลักที่มีปริมาณรถมาก เช่น:

  • ทางแยกเพชรบุรี-ทองหล่อ (60,112 คัน/วัน)
  • ทางแยกสีลม-นคราธิวาส (62,453 คัน/วัน)
  • ทางแยกสาทร-นราธิวาส (83,368 คัน/วัน)
  • ทางแยกปทุมวัน (62,453 คัน/วัน)
  • ทางแยกราชประสงค์ (56,235 คัน/วัน)
  • ทางแยกประตูน้ำ (68,473 คัน/วัน)

แนวโน้มและความเป็นไปได้ในอนาคต

ภายใต้การศึกษาเพิ่มเติมจากกองทุน UKPact ประเทศอังกฤษ คาดว่าจะมีการสรุปแนวทางการเก็บค่าธรรมเนียมภายในกลางปี 2568 เพื่อรองรับนโยบายการปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าให้ถูกลง การดำเนินการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากยิ่งขึ้น ลดการจราจรบนท้องถนน และปรับปรุงคุณภาพชีวิตในเมืองให้ดีขึ้น


นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับเมืองกรุงเทพฯ