เคยรู้สึกไหมว่าพออายุมากขึ้น การเล่นเกมที่เคยสนุกมากๆ กลับไม่สนุกเท่าเดิมอีกแล้ว? ในวัยเด็ก การเล่นเกมเป็นเหมือนการผจญภัยครั้งใหม่ที่ไม่มีวันเบื่อ แต่เมื่อเราเริ่มโตขึ้น บางทีการเล่นเกมก็กลายเป็นอะไรที่ดูซ้ำซาก หรือไม่น่าตื่นเต้นเหมือนเดิม นี่คือเหตุผลเชิงลึกที่อาจอธิบายได้ว่าทำไมการเล่นเกมไม่สนุกเหมือนสมัยเด็กๆ เมื่อเราอายุมากขึ้น
1. ความคาดหวังและมาตรฐานที่สูงขึ้น
เมื่อเราโตขึ้น เรามีความคาดหวังและมาตรฐานในการรับความบันเทิงที่สูงขึ้น เราเริ่มมองหาสิ่งที่ท้าทายและซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องความสนุกอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเล่าเรื่อง กราฟิก คุณภาพของเกมเพลย์ และอื่นๆ หากเกมไม่ได้มาตรฐานตามที่เราคาดหวัง มันก็ย่อมไม่สร้างความสนุกเหมือนที่เคยเป็นมา
2. ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ
เมื่ออายุมากขึ้น ชีวิตเรามีความรับผิดชอบมากขึ้น ทั้งเรื่องงาน ครอบครัว หรือการดูแลสุขภาพ ทำให้เราไม่มีเวลาและพลังงานในการเล่นเกมอย่างที่เคย สิ่งที่เคยเป็นความบันเทิงกลับกลายเป็นเรื่องที่ดูเหมือนใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ หรือไม่ใช่สิ่งที่เราควรโฟกัสในตอนนี้ เมื่อจิตใจยังคงคิดถึงภาระอื่นๆ ทำให้เราละสายตาจากความสนุกของเกมได้ง่ายขึ้น
3. ความซ้ำซากและขาดความแปลกใหม่
เมื่อเราผ่านการเล่นเกมมามากมาย เราเริ่มรู้สึกว่าเกมใหม่ๆ ที่ออกมาในช่วงหลังๆ ไม่ได้มอบประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ทุกอย่างเริ่มดูคล้ายกัน เกมประเภทเดิมๆ ระบบการเล่นเดิมๆ ที่เราเคยสนุกกับมันเมื่อครั้งแรก แต่เมื่อซ้ำไปซ้ำมา กลับทำให้เราไม่ตื่นเต้นอีกต่อไป
4. เป้าหมายชีวิตที่เปลี่ยนไป
สมัยเด็กๆ การเล่นเกมอาจเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายชีวิต แต่เมื่อโตขึ้น ความฝันและเป้าหมายชีวิตของเราเปลี่ยนไป การประสบความสำเร็จในเกมไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอีกต่อไป เพราะเรามีเป้าหมายที่ใหญ่กว่า เช่น การก้าวหน้าในอาชีพ การสร้างครอบครัว หรือการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้การเล่นเกมกลายเป็นกิจกรรมรอง หรือบางครั้งอาจรู้สึกเสียเวลา
5. การรับรู้และประสบการณ์ที่เปลี่ยนไป
เมื่อเราเป็นเด็ก ทุกสิ่งทุกอย่างดูใหม่และน่าตื่นเต้น แต่เมื่อเรามีประสบการณ์มากขึ้น เรามองเห็นรายละเอียดและความลึกซึ้งของชีวิตมากขึ้น ความซับซ้อนของเรื่องราวและเกมเพลย์ที่เคยทำให้เราตื่นเต้น กลับกลายเป็นสิ่งที่เรามองข้าม เพราะเรามีความเข้าใจที่มากขึ้น ทำให้สิ่งเหล่านั้นดูไม่ซับซ้อนหรือไม่น่าตื่นเต้นเท่าเดิม
6. ผลกระทบของสารเคมีในสมอง
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายและสมองของเราเปลี่ยนไป หนึ่งในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือระดับสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า "โดพามีน" ที่เกี่ยวข้องกับการรับความสุขและความพอใจ การที่เรารู้สึกสนุกหรือไม่สนุกกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับระดับของสารเคมีนี้ เมื่อสารโดพามีนในสมองลดลงตามอายุ การเล่นเกมที่เคยทำให้เราตื่นเต้นในวัยเด็กอาจไม่สามารถสร้างความรู้สึกเดียวกันนี้ได้อีก
7. การปรับตัวของสังคมและเทคโนโลยี
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีและสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แนวเกมก็เช่นกัน เมื่อโตขึ้น เราอาจรู้สึกว่าเกมที่ทำออกมาในปัจจุบันไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ใหญ่ การพัฒนาที่เน้นกลุ่มวัยรุ่นหรือเด็กวัยรุ่นอาจทำให้เกมดู "เด็ก" เกินไปสำหรับเรา และไม่ได้ตอบสนองต่อความต้องการหรือความชอบในปัจจุบันของเรา
สรุป
การที่การเล่นเกมไม่สนุกเหมือนสมัยเด็กๆ ไม่ใช่เพราะเกมเปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะตัวเราที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งในด้านการรับรู้ ประสบการณ์ และการคาดหวัง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นผลจากการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเราเอง แม้เกมจะไม่สามารถสร้างความสนุกได้แบบเดิม แต่ก็เป็นโอกาสที่เราจะค้นหาความสนุกในสิ่งใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับวัยและสถานการณ์ในชีวิตของเรา