ข่าวล่าสุดจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ได้มีมติสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้พิการ โดยเพิ่มเบี้ยความพิการจาก 800 บาท เป็น 1,000 บาทต่อเดือน เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนผู้พิการให้มีชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการจัดสรรสวัสดิการอื่น ๆ เพื่อครอบคลุมผู้ที่ได้รับสิทธิ์จากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปีงบประมาณ 2567
รายละเอียดการเพิ่มสวัสดิการและมาตรการช่วยเหลือ
จากข้อมูลที่นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเปิดเผย การประชุมครม. ได้อนุมัติงบกลาง 3,500 ล้านบาทสำหรับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งครอบคลุมประชาชนที่ได้รับสิทธิ์กว่า 14.98 ล้านคนทั่วประเทศ ข่าวดีสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คือ พวกเขาจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ รวมถึงส่วนลดค่าสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าเดินทาง และค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ
หนึ่งในมาตรการที่ได้รับความสนใจคือการเพิ่มเบี้ยความพิการจาก 800 บาท เป็น 1,000 บาทต่อเดือนต่อคน เพื่อให้ผู้พิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยในเบื้องต้น สิทธิ์นี้จะมอบให้แก่ผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเท่านั้น
นอกจากนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้จัดสรรสวัสดิการสำหรับผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจากโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2565 ตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เป็นต้นมา ซึ่งประกอบด้วย:
- วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค: สำหรับสินค้าเพื่อการศึกษา สินค้าเกษตรกรรม และสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ จำนวนเงิน 300 บาทต่อคนต่อเดือน
- วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ: จำนวนเงิน 750 บาทต่อคนต่อเดือน
- ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม: จากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด เป็นเงิน 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน
- มาตรการอุดหนุนค่าไฟฟ้า: จำนวน 335 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน หากใช้เกิน 355 บาทต้องชำระส่วนต่างเอง
- มาตรการอุดหนุนค่าน้ำ: จำนวน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน หากใช้เกิน 100 บาทต้องชำระส่วนต่างเอง แต่ถ้าใช้น้ำประปาเกินกว่า 315 บาท ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง
สวัสดิการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้พิการและผู้มีรายได้น้อย ให้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นและสามารถเข้าถึงสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันได้อย่างเพียงพอ