เชื่อว่าในสมัยเรียน หลายคนเคยผ่านการทำพรีเซนต์งานหรือจัดบอร์ดความรู้ต่าง ๆ และวัสดุที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายคงหนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า "ฟิวเจอร์บอร์ด" แต่รู้หรือไม่ว่าเราต่างเรียกชื่อมันผิดมานานกว่า 30 ปี เพราะจริง ๆ แล้วมันควรถูกเรียกว่า พลาสติกลูกฟูก
พลาสติกลูกฟูกคืออะไร?
พลาสติกลูกฟูก หรือที่หลายคนอาจรู้จักในชื่ออื่น ๆ ตามประเทศต่าง ๆ เช่น คอโรพลาสต์ (Coroplast) ในอเมริกา, คอร์เร็กซ์ (Correx) ในยุโรป, ฟลุตบอร์ด (Fluteboard) ในออสเตรเลีย, ดันปุระ (Dan-pu-ra) ในญี่ปุ่น และในประเทศไทยเรานิยมเรียกว่า "ฟิวเจอร์บอร์ด" นั้นเอง เนื่องจาก "ฟิวเจอร์" เป็นชื่อยี่ห้อของพลาสติกลูกฟูกที่เข้ามาเป็นเจ้าแรกในไทยเมื่อปี พ.ศ. 2535
พลาสติกลูกฟูกทำจากโพลีโพรพิลีน (PP) โดยมีลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกแข็งที่ประกอบไปด้วยสองชั้นประกบกัน และมีสันลูกฟูกสลับกันอยู่ตรงกลาง ทำให้มีความเบาและแข็งแรงในเวลาเดียวกัน คุณสมบัตินี้ทำให้พลาสติกลูกฟูกเป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับใช้งานได้หลากหลาย เช่น การทำกล่องพัสดุ งานศิลปะ งานอดิเรก ป้ายชั่วคราว หรือแม้แต่บอร์ดพรีเซนต์ในห้องเรียน
ทำไมพลาสติกลูกฟูกถึงได้รับความนิยม?
พลาสติกลูกฟูกไม่เพียงแต่มีความเบาและทนทานเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติที่กันน้ำ ทนต่อสารเคมี และง่ายต่อการตัดหรือดัดตามความต้องการ ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่อุตสาหกรรมการบรรจุภัณฑ์ การก่อสร้าง จนถึงการโฆษณา
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับชื่อ "ฟิวเจอร์บอร์ด"
แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วชื่อที่ถูกต้องคือ "พลาสติกลูกฟูก" แต่การเรียกว่า "ฟิวเจอร์บอร์ด" ก็ไม่ได้ถือว่าผิด เพราะเป็นที่เข้าใจกันในวงกว้าง คล้ายกับการที่เราเรียกบะหมี่สำเร็จรูปว่า "มาม่า" หรือเรียกผงซักฟอกว่า "แฟ้บ" ซึ่งเป็นชื่อยี่ห้อที่ติดปากและเข้าใจความหมายได้ดี
ข้อเสียของพลาสติกลูกฟูก?
แม้ว่าพลาสติกลูกฟูกจะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นและมีการใช้งานที่หลากหลาย แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่ควรพิจารณา:
ไม่ทนต่อความร้อนสูง: พลาสติกลูกฟูกทำจากโพลีโพรพิลีน (PP) ซึ่งมีจุดหลอมเหลวที่ประมาณ 130-170 องศาเซลเซียส ดังนั้นเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนสูงหรือใกล้แหล่งความร้อน มันอาจเกิดการละลายหรือบิดเบี้ยวได้
ไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง: ถึงแม้ว่าพลาสติกลูกฟูกจะมีความทนทานพอสมควร แต่มันไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องรับน้ำหนักหรือแรงกระแทกมาก เช่น ในงานก่อสร้างที่ต้องใช้วัสดุที่แข็งแรงกว่านี้
ความไวต่อรังสียูวี (UV): พลาสติกลูกฟูกมีความไวต่อรังสียูวีจากแสงแดด ซึ่งอาจทำให้วัสดุเสื่อมสภาพหรือกรอบแตกเมื่อใช้ภายนอกเป็นเวลานาน การใช้ในสภาพแวดล้อมกลางแจ้งจึงต้องพิจารณาเพิ่มเติมเรื่องการเคลือบหรือป้องกันแสงแดด
รีไซเคิลได้ยาก: แม้ว่าพลาสติกลูกฟูกสามารถรีไซเคิลได้ แต่การแยกพลาสติกประเภทนี้ออกจากพลาสติกอื่น ๆ ในกระบวนการรีไซเคิลนั้นไม่ง่าย ทำให้มีความยุ่งยากในการรีไซเคิลและส่งผลต่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
ความเสี่ยงในการเป็นขยะพลาสติก: หากไม่ได้รับการจัดการที่ถูกต้อง พลาสติกลูกฟูกอาจกลายเป็นขยะพลาสติกที่สะสมในสิ่งแวดล้อมและทำลายระบบนิเวศ เนื่องจากใช้เวลานานในการย่อยสลาย
ข้อเสียเหล่านี้ทำให้ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนเลือกใช้พลาสติกลูกฟูกในงานต่าง ๆ และควรจัดการอย่างเหมาะสมหลังการใช้งานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สรุป
พลาสติกลูกฟูกเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวและตอบสนองความต้องการในงานต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย แม้ว่าชื่อที่เราเรียกมันอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศหรือยี่ห้อ แต่สิ่งสำคัญคือคุณสมบัติและการใช้งานที่ทำให้มันเป็นวัสดุที่ไม่ควรมองข้ามในยุคปัจจุบัน