ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันมือถือหรือสมาร์ทโฟนได้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ที่เราขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันแล้ว เพราะมือถือเก็บข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่รูปภาพ วิดีโอ รายชื่อคนสำคัญ ไปจนถึงแอปพลิเคชันที่ใช้ในการทำงานหรือความบันเทิง การใช้งานมือถืออย่างต่อเนื่องก็ย่อมทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว ซึ่งการชาร์จไฟได้รวดเร็วหรือที่เรียกว่า Fast Charge จึงกลายเป็นคุณสมบัติที่ใครหลายคนมองหา แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าหัวชาร์จที่เราใช้อยู่นั้นเป็นแบบ Fast Charge หรือไม่?
หัวชาร์จ Fast Charge วิธีดูยังไงว่าใช่หรือไม่?
1. สังเกตจากกล่องหรือหัวชาร์จ
หากคุณเพิ่งซื้อหัวชาร์จใหม่ ให้ลองมองหาข้อมูลบนกล่องหรือหัวชาร์จนั้นเลย โดยปกติแล้วถ้าหัวชาร์จรองรับ Fast Charge จะมีกำลังไฟอยู่ที่ 15W ขึ้นไป ซึ่งจะระบุไว้ชัดเจนที่กล่องหรือบนหัวชาร์จเอง นอกจากนี้ยังมีสเปกที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่า V (Volt) ซึ่งแสดงถึงแรงดันไฟ ค่า A (Ampere) ที่บอกปริมาณกระแสไฟ และค่า W (Watt) ซึ่งเป็นกำลังไฟที่อุปกรณ์สามารถรับได้ ตัวอย่างเช่น หัวชาร์จที่มีค่า 15V 3.0A ก็เท่ากับ 15X3 = 45 จะมีกำลังไฟ 45W หมายความว่าหัวชาร์จนี้รองรับการชาร์จเร็วที่ 45W
2. ขนาดของที่ชาร์จ
ในอดีตหัวชาร์จที่มีขนาดใหญ่กว่ามักจะจ่ายไฟได้รวดเร็วกว่าหัวชาร์จขนาดเล็ก แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง GaN (Gallium Nitride) ที่นำมาใช้ในหัวชาร์จ ทำให้หัวชาร์จมีขนาดเล็กลงมาก แต่ยังคงประสิทธิภาพในการชาร์จไฟได้รวดเร็วเหมือนเดิมหรือล้ำหน้ากว่าเดิมอีกด้วย
3. ราคาของที่ชาร์จ
ราคาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณควรพิจารณา หากคุณพบว่าที่ชาร์จมีราคาถูกมาก ๆ เช่นหลักร้อยบาท อาจจะเป็นไปได้ว่าหัวชาร์จนั้นไม่รองรับการชาร์จเร็ว ดังนั้น ควรตรวจสอบสเปกหรือรายละเอียดเพิ่มเติมให้แน่ใจก่อนซื้อ
สุดท้าย...
แม้ว่าหัวชาร์จที่คุณใช้อยู่อาจจะรองรับ Fast Charge แต่สมาร์ทโฟนบางรุ่นยังจำเป็นต้องใช้หัวชาร์จที่มาพร้อมกับเครื่องเท่านั้น หากต้องการชาร์จไฟได้เร็วที่สุด เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีของสมาร์ทโฟนเหล่านั้นเอง
ดังนั้น ก่อนที่คุณจะซื้อหัวชาร์จใหม่หรือเลือกใช้หัวชาร์จเก่าที่มีอยู่แล้ว อย่าลืมตรวจสอบสเปกและคุณสมบัติเหล่านี้เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับประสบการณ์การชาร์จที่รวดเร็วและปลอดภัยที่สุด