เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงบนโลกออนไลน์ในกลุ่มเฟซบุ๊ก “พวกเราคือผู้บริโภค” ที่มีคนสอบถามถึงชิ้นส่วนสีเหลืองๆ เล็กๆ ที่พบในตูดไก่ย่าง ว่าคืออะไรและสามารถกินได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?
ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์จากภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์” ว่าก้อนเหลืองๆ ที่ตูดไก่คือ “เบอร์ซา ออฟ ฟาบริเชียส (Bursa of Fabricius)” ซึ่งเป็นอวัยวะต่อมน้ำเหลืองที่มีหน้าที่สร้างแอนติบอดีและกินเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเพื่อป้องกันโรค ก้อนนี้สามารถกินได้เพียงแค่ต้องปรุงให้สุก ส่วนเรื่องความอร่อยขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
เกี่ยวกับประเด็นที่ว่าตูดไก่ก่อให้เกิดมะเร็งหรือไม่ มาจากคลิปที่แชร์กันว่า ชายชาวจีนที่กินตูดไก่เป็นประจำกลายเป็นมะเร็งตับ เพราะมีเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในตูดไก่ อย่างไรก็ตาม ดร.เจษฎ์ยืนยันว่าไม่มีงานวิจัยที่บอกว่าการกินตูดไก่สัมพันธ์กับมะเร็ง แต่การกินในปริมาณมากอาจไม่ดี เพราะมีไขมันสูงที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ และโรคมะเร็งลำไส้
นอกจากนี้ ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับฮอร์โมนเอสโทรเจนที่สะสมในไขมันบริเวณตูดไก่ ซึ่งอาจทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล อันที่จริงแล้ว ปริมาณฮอร์โมนเอสโทรเจนจากไก่มีน้อยมากเมื่อเทียบกับที่ร่างกายสร้างขึ้นเอง ส่วนปัญหาใหญ่คือการมีน้ำหนักตัวมากเกินไป ที่สามารถนำไปสู่โรคมะเร็งได้
สรุปได้ว่า กินตูดไก่ในปริมาณน้อยและปรุงสุกสะอาดก็ไม่เป็นอันตราย แต่ควรระวังเรื่องไขมันสูง และการปิ้งย่างที่ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งเช่นเดียวกับเนื้อย่างทั่วไป